วัดตากฟ้า เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา สังกัดคณะสงฆ์ไทย เถรวาท มหานิกาย โดยวัดได้รับการยกให้เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 76 หมู่ที่ 1 ตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ทั้งยังเป็นสำนักศาสนศึกษาในด้านปริยัติธรรมบาลี ที่ผู้เรียนและสถิติผู้สอบได้จำนวนมากในแต่ละปี
วัดตากฟ้า | |
---|---|
พระประธานในอุโบสถ์ |
|
ชื่อสามัญ | วัดตากฟ้า พระอารามหลวง |
ที่ตั้ง | ถนนพหลโยธิน ตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ 60190 |
ประเภท | พระอารามหลวง ชั้นตรี |
นิกาย | เถรวาท |
เจ้าอาวาส | พระเทพปัญญาภรณ์ (ริด ริตเวที) |
กิจกรรม | ศาสนสถานในพระพุทธศาสนาที่มีกิจกรรมเชิงพุทธตลอดปี |
การถ่ายภาพ | Pramote.jpg |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
วัดตากฟ้า แต่เดิมได้ตั้งเป็นเพียงที่พักสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยสมัยนั้นยังสังกัดอยู่กับคณะสงฆ์อำเภอตาคลี ต่อมาได้อาศัยศรัทธาจากชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพกสิกรรมเพาะปลูกพืชไร่ได้ร่วมใจกันสร้างเสนาสนะและศาลาเพื่อเอาไว้บำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนาและอีกประการหนึ่งบริเวณตลาดตากฟ้าท่านแรก คือ นายบันลือ รัตนมงคล ได้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องสถานที่ก่อสร้างวัด เพราะที่ดินบริเวณวัดนั้นเป็นที่ของนิคมสร้างตนเอง พร้อมกันนั้นก็ได้อาศัยผู้ใหญ่สมจิตร์ พิมพาภรณ์ นายสิงห์ สมศรี พร้อมด้วยชาวบ้านตากฟ้า เป็นผู้ดำเนินการสร้างวัด
ทางด้านฝ่ายคณะสงฆ์นั้นก็ได้รับความสนับสนุนจาก พระครูนิพัทธ์ศีลคุณ (ทอง) อดีตเจ้าคณะอำเภอตาคลี และพระครูนิยมธรรมภาณ (บก) เจ้าคณะตาบลในขณะนั้น ได้ช่วยส่งพระมาเป็นผู้ปกครองสำนักสงฆ์ โดยลำดับ และเพื่อเป็นเกียรติที่พระครูนิยมธรรมภาณได้ให้ความอุปถัมภ์แก่สานักสงฆ์ ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกกันว่า “วัดตากฟ้านิยมธรรม” โดยเอาชื่อท้ายของราชทินนามของหลวงปู่บก มาต่อสร้อยข้างท้าย และในปี พ.ศ. 2504 คณะกรรมการก็ดำเนินการจึงทำเรื่องขอตั้งเป็นวัด
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2507 พระอาจารย์บุญส่ง ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์วัดตากฟ้านิยมธรรมเป็นรูปสุดท้ายก็ได้ลากลับไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดสว่างวงษ์ อำเภอตาคลี ตามเดิม ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 คณะกรรมการวัดจึงได้ไปขอพระภิกษุที่จะมาเป็นผู้นำจากหลวงพ่อพระครูวิสัยจริยคุณ (โอด) ที่วัดจันเสน อำเภอตาคลี เพื่อมาดูแลสานักสงฆ์ต่อไป ขณะนั้น พระสุรินทร์ จนฺทโชโต (ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูนภเขตคณารักษ์) ท่านกำลังมาลาหลวงพ่อพระครูวิสัยจริยคุณ เพื่อจะไปจำพรรษา ณ วัดปากน้ำ จังหวัดระนอง หลวงพ่อพระครูวิสัยจริยคุณ จึงได้ ขอให้ท่านมาจาพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดตากฟ้านิยมธรรม เพื่อมาเป็นผู้นาในการดูแลรักษาและบำรุงรักษาวัด
ในปี พ.ศ. 2510 กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม จึงประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า “วัดตากฟ้า” เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 และต่อมาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510
ในปี พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชานุญาต สถาปนาวัดตากฟ้า เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เนื่องในมหามงคลวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
วัดตากฟ้าได้จัดให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 จนถึงปัจจุบันโดยกฎระเบียบของวัดตั้งไว้ว่า พระภิกษุสามเณรผู้อยู่จำพรรษาจะต้องศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ทุกรูป ตามกำหนดการเรียนการสอน สำหรับการเปิดเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมนั้น คือวันแรม 9 ค่ำ เดือน 8 เวลาปิดภาคเรียน คือก่อนวันออกพรรษา 7 วัน ก่อนจะจบภาคเรียนจะต้องทำการทดสอบความรู้ในห้องเรียนทุกชั้น ทุกวิชา
ในส่วนกรณีศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ทางวัดตากฟ้าได้เปิดทำการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ในสมัยของพระครูนภเขตคณารักษ์ โดยนิมนต์พระมหากาญจน์ กาญจนรังสี (สกุล โควารกูร) ป.ธ. 8 มาเป็นอาจารย์รูปแรกและทำการเปิดสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี มีพระภิกษุสามเณรเล่าเรียนศึกษาพอสมควร โดยในปีการศึกษาแรกนั้น พระภิกษุสามเณรสามารถสอบประโยค ป.ธ.3 ได้ยกชั้นเป็นจำนวนถึง 11 รูป และได้ดำเนินการสอนเรื่อยมา โดยมีผู้รับหน้าที่เป็นอาจารย์ใหญ่ต่อมาอีก 2 รูป คือพระมหาสมชาย อิทธิโช (สกุล เกิดแก้ว) เป็นอาจารย์ใหญ่รูปที่ 2 และพระมหาทะนงศักดิ์ พรหมรังสี (สกุล พรหมรังสี) เป็นอาจารย์ใหญ่รูปที่ 2
ในปี พ.ศ. 2534 หลวงพ่อพระครูนภเขตคณารักษ์อาพาธ จึงทำให้หยุดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีไปช่วงระยะหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2538 พระราชปัญญาเวที ได้เปิดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมีพระมหาสุนทร สุนทรเมธี ป.ธ.7, พธ.บ. กศ.ม. ปัจจุบันได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระอมรเมธี เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า ปีแรกมีพระภิกษุสามเณรเข้าเรียน 12 รูป สอบได้ประโยค 1 – 2 จำนวน 1 รูป
ในปี พ.ศ. 2539 สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้าได้เปิดการเรียนการ พระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ขึ้นมาอีกหนึ่งแผนก โดยใช้ชื่อว่าโรงเรียนศรีนภเขตวิทยา ทำให้มีพระภิกษุสามเณร ผู้เล่าเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง 3 แผนก เพิ่มขึ้นเป็นลำดับตลอดมา
ในปี พ.ศ. 2544 วัดตากฟ้า ได้รับแต่งตั้งเป็น โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1
เนื่องจากวัดตากฟ้าได้มีการจัดการเรียนการสอนทั้ง 3 หลักสูตร คือหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกธรรม – บาลีและแผนกสามัญศึกษา จึงต้องมีการจัดตารางกิจประจาวัน ดังนี้ กิจประจาวันของผู้เรียนสำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า
หมายเหตุ : นักธรรมเรียนวันเสาร์และวันอาทิตย์ (ตารางอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม)
ประวัติความเป็นมาของกองทุนรัตนภัตต์ (วัดตากฟ้า พระอารามหลวง)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร การจัดการศึกษา ณ สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1 ทรงพระมหากรุณา พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อถวายเป็นค่าภัตตาหารพระภิกษุสามเณร วัดตากฟ้า จำนวน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
วัดตากฟ้า จึงได้อัญเชิญตั้งเป็นกองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณรวัดตากฟ้า และได้นำความกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ต่อมาในวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชทานชื่อกองทุนว่า "กองทุนรัตนภัตต์" ซึ่งมีความหมายว่า "อาหารอันมีค่าดุจแก้ว" นับเป็นพระมหากรุณาแก่พระภิกษุสามเณรวัดตากฟ้า และชาวอำเภอตากฟ้าอย่างที่สุด